วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

พันธุ์โกลเด้น

คู่มือการเลี้ยงสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ^___^

    
          
       ความรู้ทั่วไป

    โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ จัดเป็นสุนัขน่ารักและน่าเลี้ยงมากที่สุดในยุคนี้  เพราะโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นหมาใจดี พูดรู้เรื่องเป็นมิตรกับทุกคน ระดับกัลยาณมิตร 4 ขาทีเดียว ต้องการการบำรุงรักษาในระดับปานกลางไม่มากมายเท่าไหร่  แต่เราก็ควร รู้ดีเกี่ยวกับโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ บ้างจะได้เลี้ยงดู” สุนัขตัวใหญ่ขนสีทองนี้ให้อยู่เราอย่างสุขภาพดี  ซึ่งมีวิธีทำได้ง่ายๆ ดังนี้



  1. คุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วน
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ นั้น เป็นสุนัขที่มีแนวโน้มที่จะอ้วนง่ายอยู่แล้ว  เพราะเป็นสุนัขกินง่ายและกินเก่งด้วย    ดังนั้นเราจึงใส่ใจควบคุมน้ำหนักตัวของโกลเด้นฯ ของเราไม่อ้วน  ซึ่งหากอ้วนมากก็จะมีปัญหาต่อสุขภาพ  เช่น โรคข้อสะโพกเสื่อม  ข้ออักเสบ  หรือโรคหัวใจได้

  1. รู้ทันโรคประจำพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
โรคประจำพันธุ์ของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ในวัยต่างๆ  ที่เราต้องคอยเฝ้าระวัง มีดังนี้

1.      ลูกสุนัข (วัยแรกเกิด  1 ปี)
1.1  โรคกระดูกและข้อ
1.2  โรคเส้นเลือดใหญ่ใกล้หัวใจตีบ
(Subaortic Stenosis)

2.      วัยสุนัขโต (1-6 ปี)
2.1  โรคไทรรอยด์ต่ำ
2.2  โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
2.3  โรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้
2.4  โรคหูส่วนนอกอักเสบ (โรคหูน้ำหนวก)
2.5  โรคต้อกระจก


3.      สุนัขสูงอายุ (ปีขึ้นไป)
3.1  โรคมะเร็งผิวหนัง ชนิด HEMANGIOSARCOMA

แปรงขนเป็นประจำ
    โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ผลัดขนตลอดปี  และจะผลัดขนมากเป็นพิเศษอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง  ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องแปรงขนโกลเด้นฯ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง  เพื่อลดปัญหาการหลุดร่วงของเส้นขน

4.      อาบน้ำตามสมควร
ถึงโกลเด้นฯ จะขนยาวแต่ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยๆ เหมือนสุนัขพันธุ์อื่น  แต่ถ้าอาบน้ำแล้วก็จำเป็นต้องใส่ใจให้มาก  โดยเฉพาะการทำให้ขนแห้ง  เพราะโกลเด้นมีขน 2 ชั้น  ซึ่งขนชั้นในจะเป็นตัวอุ้มน้ำไว้  ถ้าหากไม่ทำให้ขนแห้งดี  ความอับชื้นที่สะสมอยู่ก็จะทำให้เกิดโรคผิวหนังได้  และพึงสังวรไว้ด้วยว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มีผิวหนังที่แพ้ง่ายดังนั้นควรเลือกใช้แชมพูอ่อนโยนต่อผิวอ่อนเยาว์ด้วย

5.      ตัดเล็บเดือนละหน
เราควรตัดเล็บโกลเด้น รีทีฟเวอร์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง    เพื่อสุขภาพที่ดีและนอกจากตัดเล็บแล้ว  ก็ควรตัดขนตามซอกนิ้วที่ยาวเกินออกมาชอนไชอุ้งเท้าด้วย  ไม่งั้นก็จะทำให้สุนัขเดินไม่ถนัด

6.      รักจริงต้องฝึก
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์  เป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริงและชอบเล่น  ดังนั้นดูเหมือนโกลเด้นฯ จะซุกซนมากเป็นพิเศษ  ดังนั้นเราจึงควรฝึกโกลเด้นฯ ให้เชื่อฟังคำสั่ง เช่น ยืน นั่ง หมอบ คอย ฯลฯ เพื่อโกลเด้นฯ รีทีฟเวอร์ของเราจะได้มีวินัยบ้าง  และที่สำคัญโกลเด้นฯ นั้นเป็นสุนัขชอบเรียนรู้  หรือชอบฝึกนั่นเอง  ดังนั้นเราจึงสามารถสอนคำสั่งใหม่ๆ ให้โกลเด้นฯ ได้มากมาย

7.      พาวิ่งเล่นทุกวัน
โกลเด้นฯ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ติดเจ้าของมาก  และชอบชวนเจ้าของเล่นโน้นเล่นนี่อยู่เสมอ เช่น จะคาบลูกบอลออกมาวางต่อหน้าเจ้าของ  เพื่อให้เจ้าของปาออกไปแล้วจะไปคาบกลับมา  หรือชอบเล่นแย่งบอลกับเจ้าของ  เรียกว่า  เห็นเจ้าของเป็นต้องชวนเล่น” นั่นเอง
            ดังนั้น  เราจึงต้องแบ่งเวลาวันละ 5-10 นาที เล่นกับเจ้าโกลเด้นฯ ของเราทุกวันเพื่อเป็นการออกกำลังกายและคลายเครียดไปพร้อมๆ กัน

8.      โกลเด้นฯ  ควรเลี้ยงในบ้าน
เนื่องจากโกลเด้นฯ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ติดคนสุดๆ ดังนั้นถ้าถูกแยกไปอยู่ข้างนอกบ้านตัวเดียว  โกลเด้นฯ ก็จะรู้สึกไม่มีความสุขซึ่งทางแก้ก็อาจจะต้องหาเพื่อนหมาให้อีก 1 ตัว
                       
9.      ระวังต่อมก้นอักเสบ
โกลเด้นฯ รีทรีฟเวอร์   เป็นสุนัขอีกพันธุ์ที่มีปัญหาเรื่องต่อมก้นอักเสบ (ANALSACCULITIS) เป็นประจำ โดยจะแสดงอาการไถก้นให้เห็น ดังนั้น เราจึงควรบีบต่อมก้นให้ โกลเด้นฯ ของเราอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือไม่ก็ให้รีบนำโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ของเรา ไปพบสัตวแพทย์ทันทีที่แสดงอาการไถก้นออกมา

10.  โกลเด้น รีทรีฟเวอร์  จะอยู่กับเราอย่างน้อย 10 ปี
ปัจจุบันโกลเด้น   รีทรีฟเวอร์  มีอายุเฉลี่ย 10-14 ปี ดังนั้นหากเราคิดที่จะเลี้ยงโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สักตัวแล้ว  นั่นก็หมายถึงความสุขของการเลี้ยงสุนัขดีอย่างนี้จะยืนยาวไปอย่างน้อย 10 ปีทีเดียว



ปริมาณความต้องการ
ปริมาณการให้อาหารในแต่ละวันนั้นขึ้นอยู่กับอายุ ลักษณะของการใช้พลังงานและสุขภาพและลักษณะเฉพาะตัวซึ่งต้องอาศัยการสังเกตุด้วย โดยดูจากท้องหลังท้องอิ่มว่าควรพองมากกว่าชายโครงเพียงเล็กน้อย เวลาวิ่งต้องไม่กลิ้งไปมา
การดูลักษณะของขนที่สมบูรณ์จะเป็นตัวบ่งบอกการให้อาหารและได้รับปริมาณสารอาหารที่ถูกต้อง ซึ่งจะมีผลให้ขนมีความสวยเงางาม นิ่มมือและลื่นเมื่อลูบไล้ มีสีขนที่สวยงาม การที่ขนหม่นและหยาบจึงอาจมีสาเหตุจากการให้อาหารที่ไม่ครบหมู่ ขาดสารอาหารที่จำเป็น
การให้อาหารโกลเดนจะต้องให้ตามเวลาที่กำหนดไว้ โกลเดนที่โตเต็มวัยสามารถให้เพียงมื้อเดียวได้แต่จะดีกว่าหากแบ่งปริมาณเป็น 2 มื้อต่อวัน ลูกโกลเดนตัวเล็กๆควรให้ปริมาณน้อยๆแต่ถี่ กรณีทีเพิ่งหย่านมอาจจำเป็นต้องให้ทุก 15 นาที อายุสามถึงสี่เดือนควรแบ่งเป็น 3-4 มื้อต่อวัน หลังจากนั้นเมื่อโตขึ้นก็ให้ 2 มื้อต่อวัน หรืออาจให้เพียงแค่ 1 มื้อต่อวันได้ ช่วงอายประมาณ 14 อาทิตย์นี้จะเริ่มผลัดฟันน้ำนมและคันฟัน ควรหาสิ่งที่ให้เคี้ยวให้แทะเล่น
ทั้งนี้แต่ละช่วงอายุต่างๆจะมีคำแนะนำดังนี้

อายุ
อาหารที่ให้
ตั้งแต่แรกเกิด ถึง สัปดาห์
ลูกสุนัขควรจะได้รับนมแม่หรือนมน้ำเหลืองเป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงสามวันแรกที่ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน แต่ถ้าแม่สุนัขไม่สามารถให้นมได้ คุณควรเลี้ยงลูกสุนัขด้วยนมสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ ในสัปดาห์ที่ 4 คุณสามารถเริ่มให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปทีละน้อยๆโดยผสมกับนมอุ่นๆ
6-8 สัปดาห์
ควรเริ่มฝึกให้ทานอาหารเม็ด โดยผสมน้ำอุ่นเพื่อให้มีความอ่อนตัวไม่แข็งจนเกินไป ควรให้ประมาณวันละ4 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น และ ก่อนนอน )
9-11 สัปดาห์
ลดปริมาณน้ำอุ่นที่ผสมในอาหารลง เพราะสุนัขเริ่มทานอาหารแข็งได้แล้ว
3-5 เดือน
ลดปริมาณน้ำอุ่นที่ผสมในอาหารลงอีก และลดจำนวนมื้ออาหารเป็นวันละ 3 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น)
6 เดือนขึ้นไป
เริ่มให้เขาหัดกินอาหารเม็ด โดยไม่ต้องผสมน้ำอีกต่อไปและให้ลดเหลือเพียง 1-2 มื้อต่อวัน

ลูกโกลเดนอายุต่ำกว่าห้าเดือน
ต้องการอาหารทั้งปริมาณและสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโตอย่างมาก แบ่งเป็น 3-4 มื้อต่อวันโดยที่ต้องการปริมาณอาหารประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว การให้ปริมาณอาหารมากๆและมีจำนวนมื้อต่อวันน้อยครั้งเกินไปจะทำให้โครงสร้างเสียได้

เมื่ออายุได้ห้าถึงเจ็ดเดือน
ลดความถี่ในการให้อาหารลงเป็น 2 ครั้งต่อวัน แต่ค่อยๆเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังเจริญเติบโต สังเกตว่าผอมหรืออ้วนไปหรือไม่แล้วลดหรือเพิ่มตามสัดส่วน

อายุตั้งแต่เจ็ดถึงสิบเดือน
ก็จะเป็นช่วงหนุ่มสาว จะกินอาหารน้อยลง แต่ยังคงให้อาหาร 2 มื้อต่อวัน ช่วงนี้โกลเดนจะเริ่มผลัดขน จะสังเกตุได้จากขนอ่อนที่หลุดร่วงและมีขนใหม่ที่ค่อนข้างแข็งกว่าและยาวกว่าขึ้นแทน

โกลเดนที่โตเต็มที่
อาจให้อาหารเพียง 1 มื้อต่อวันได้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักและกิจกรรมประจำวัน หากออกกำลังกายมากเช่นออกเล่นกีฬาล่าสัตว์หรือแข่งขันวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางหรือว่ายน้ำ ก็จำเป็นที่จะต้องให้ปริมาณอาหารที่มากขึ้นโดยแบ่งเป็น 2 มื้อต่อวัน

สำหรับหมาโกลเดนแก่
จะให้อาหารคล้ายกับลูกโกลเดน ทั้งนี้พลังงานจากอาหารหากไม่ได้ถูกใช้จะถูกสะสมเป็นไขมันได้ง่าย จึงมีโอกาสเป็นโรคอ้วนได้ โปรตีนจะเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องได้รับอย่างเพียงพอ โดยต้องการไม่น้อยกว่า 15% แต่ต้องไม่มากเกินไปเพราะจะมีผลให้ไตทำงานหนักเกินไปหากได้รับโปรตีนเกินความจำเป็น
โกลเดนจะไม่เบื่ออาหารง่ายนักหากได้รับอาหารที่มีคุณค่าแบบเดิมๆตลอดชีวิต จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอาหารที่เคยกิน อาจใช้อาหารทีเตรียมเองนำมาผสมเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติได้ การเปลี่ยนอาหารทันทีอาจทำให้ท้องเสียได้ หากจำเป็นต้องเปลี่ยนจะต้องค่อยๆเปลี่ยนทีละน้อยค่อยๆเพิ่มขึ้น หากทำอย่างไรก็ไม่กินอาหารเป็นเวลา 2-3 วันจำเป็นต้องปรึกษาสัตวแพทย์โดยทันที


ข้อแนะนำสำหรับการให้อาหารสุนัข

  • อาหารสำเร็จรูปควรเลือกใช้ของบริษัทที่น่าเชื่อถือ
  • จัดน้ำสะอาดไว้ให้ตลอดเวลา 
  • อาหารที่ให้ควรมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง
  • อาหารที่มีน้ำเป็นส่วนผสมที่กินเหลือไม่ควรเก็บไว้ในมื้อต่อไป
  • อาหารแห้งควรทิ้งไว้วันต่อวัน
  • ไม่ควรปล่อยให้สุนัขอ้วนเกินไป
  • ห้ามให้กระดูกที่เปราะแก่สุนัข เช่นกระดูกไก่
  • สุนัขที่ไม่ยอมกินอาหารนานกว่า 24 ชั่วโมง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสุนัขเจ็บป่วย ควรปรีกษาสัตวแพทย์ 

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2558

คู่มือการเลี้ยงสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ^___^

   
          
       ความรู้ทั่วไป

    โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ จัดเป็นสุนัขน่ารักและน่าเลี้ยงมากที่สุดในยุคนี้  เพราะโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นหมาใจดี พูดรู้เรื่องเป็นมิตรกับทุกคน ระดับกัลยาณมิตร 4 ขาทีเดียว ต้องการการบำรุงรักษาในระดับปานกลางไม่มากมายเท่าไหร่  แต่เราก็ควร รู้ดีเกี่ยวกับโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ บ้างจะได้เลี้ยงดู” สุนัขตัวใหญ่ขนสีทองนี้ให้อยู่เราอย่างสุขภาพดี  ซึ่งมีวิธีทำได้ง่ายๆ ดังนี้



  1. คุมน้ำหนักตัวอย่าให้อ้วน
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ นั้น เป็นสุนัขที่มีแนวโน้มที่จะอ้วนง่ายอยู่แล้ว  เพราะเป็นสุนัขกินง่ายและกินเก่งด้วย    ดังนั้นเราจึงใส่ใจควบคุมน้ำหนักตัวของโกลเด้นฯ ของเราไม่อ้วน  ซึ่งหากอ้วนมากก็จะมีปัญหาต่อสุขภาพ  เช่น โรคข้อสะโพกเสื่อม  ข้ออักเสบ  หรือโรคหัวใจได้

  1. รู้ทันโรคประจำพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
โรคประจำพันธุ์ของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ในวัยต่างๆ  ที่เราต้องคอยเฝ้าระวัง มีดังนี้

1.      ลูกสุนัข (วัยแรกเกิด  1 ปี)
1.1  โรคกระดูกและข้อ
1.2  โรคเส้นเลือดใหญ่ใกล้หัวใจตีบ
(Subaortic Stenosis)

2.      วัยสุนัขโต (1-6 ปี)
2.1  โรคไทรรอยด์ต่ำ
2.2  โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
2.3  โรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้
2.4  โรคหูส่วนนอกอักเสบ (โรคหูน้ำหนวก)
2.5  โรคต้อกระจก


3.      สุนัขสูงอายุ (ปีขึ้นไป)
3.1  โรคมะเร็งผิวหนัง ชนิด HEMANGIOSARCOMA

แปรงขนเป็นประจำ
    โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ผลัดขนตลอดปี  และจะผลัดขนมากเป็นพิเศษอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง  ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องแปรงขนโกลเด้นฯ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง  เพื่อลดปัญหาการหลุดร่วงของเส้นขน

4.      อาบน้ำตามสมควร
ถึงโกลเด้นฯ จะขนยาวแต่ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยๆ เหมือนสุนัขพันธุ์อื่น  แต่ถ้าอาบน้ำแล้วก็จำเป็นต้องใส่ใจให้มาก  โดยเฉพาะการทำให้ขนแห้ง  เพราะโกลเด้นมีขน 2 ชั้น  ซึ่งขนชั้นในจะเป็นตัวอุ้มน้ำไว้  ถ้าหากไม่ทำให้ขนแห้งดี  ความอับชื้นที่สะสมอยู่ก็จะทำให้เกิดโรคผิวหนังได้  และพึงสังวรไว้ด้วยว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ มีผิวหนังที่แพ้ง่ายดังนั้นควรเลือกใช้แชมพูอ่อนโยนต่อผิวอ่อนเยาว์ด้วย

5.      ตัดเล็บเดือนละหน
เราควรตัดเล็บโกลเด้น รีทีฟเวอร์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง    เพื่อสุขภาพที่ดีและนอกจากตัดเล็บแล้ว  ก็ควรตัดขนตามซอกนิ้วที่ยาวเกินออกมาชอนไชอุ้งเท้าด้วย  ไม่งั้นก็จะทำให้สุนัขเดินไม่ถนัด

6.      รักจริงต้องฝึก
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์  เป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริงและชอบเล่น  ดังนั้นดูเหมือนโกลเด้นฯ จะซุกซนมากเป็นพิเศษ  ดังนั้นเราจึงควรฝึกโกลเด้นฯ ให้เชื่อฟังคำสั่ง เช่น ยืน นั่ง หมอบ คอย ฯลฯ เพื่อโกลเด้นฯ รีทีฟเวอร์ของเราจะได้มีวินัยบ้าง  และที่สำคัญโกลเด้นฯ นั้นเป็นสุนัขชอบเรียนรู้  หรือชอบฝึกนั่นเอง  ดังนั้นเราจึงสามารถสอนคำสั่งใหม่ๆ ให้โกลเด้นฯ ได้มากมาย

7.      พาวิ่งเล่นทุกวัน
โกลเด้นฯ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ติดเจ้าของมาก  และชอบชวนเจ้าของเล่นโน้นเล่นนี่อยู่เสมอ เช่น จะคาบลูกบอลออกมาวางต่อหน้าเจ้าของ  เพื่อให้เจ้าของปาออกไปแล้วจะไปคาบกลับมา  หรือชอบเล่นแย่งบอลกับเจ้าของ  เรียกว่า  เห็นเจ้าของเป็นต้องชวนเล่น” นั่นเอง
            ดังนั้น  เราจึงต้องแบ่งเวลาวันละ 5-10 นาที เล่นกับเจ้าโกลเด้นฯ ของเราทุกวันเพื่อเป็นการออกกำลังกายและคลายเครียดไปพร้อมๆ กัน

8.      โกลเด้นฯ  ควรเลี้ยงในบ้าน
เนื่องจากโกลเด้นฯ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ติดคนสุดๆ ดังนั้นถ้าถูกแยกไปอยู่ข้างนอกบ้านตัวเดียว  โกลเด้นฯ ก็จะรู้สึกไม่มีความสุขซึ่งทางแก้ก็อาจจะต้องหาเพื่อนหมาให้อีก 1 ตัว
                       
9.      ระวังต่อมก้นอักเสบ
โกลเด้นฯ รีทรีฟเวอร์   เป็นสุนัขอีกพันธุ์ที่มีปัญหาเรื่องต่อมก้นอักเสบ (ANALSACCULITIS) เป็นประจำ โดยจะแสดงอาการไถก้นให้เห็น ดังนั้น เราจึงควรบีบต่อมก้นให้ โกลเด้นฯ ของเราอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือไม่ก็ให้รีบนำโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ของเรา ไปพบสัตวแพทย์ทันทีที่แสดงอาการไถก้นออกมา

10.  โกลเด้น รีทรีฟเวอร์  จะอยู่กับเราอย่างน้อย 10 ปี
ปัจจุบันโกลเด้น   รีทรีฟเวอร์  มีอายุเฉลี่ย 10-14 ปี ดังนั้นหากเราคิดที่จะเลี้ยงโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สักตัวแล้ว  นั่นก็หมายถึงความสุขของการเลี้ยงสุนัขดีอย่างนี้จะยืนยาวไปอย่างน้อย 10 ปีทีเดียว



ปริมาณความต้องการ
ปริมาณการให้อาหารในแต่ละวันนั้นขึ้นอยู่กับอายุ ลักษณะของการใช้พลังงานและสุขภาพและลักษณะเฉพาะตัวซึ่งต้องอาศัยการสังเกตุด้วย โดยดูจากท้องหลังท้องอิ่มว่าควรพองมากกว่าชายโครงเพียงเล็กน้อย เวลาวิ่งต้องไม่กลิ้งไปมา
การดูลักษณะของขนที่สมบูรณ์จะเป็นตัวบ่งบอกการให้อาหารและได้รับปริมาณสารอาหารที่ถูกต้อง ซึ่งจะมีผลให้ขนมีความสวยเงางาม นิ่มมือและลื่นเมื่อลูบไล้ มีสีขนที่สวยงาม การที่ขนหม่นและหยาบจึงอาจมีสาเหตุจากการให้อาหารที่ไม่ครบหมู่ ขาดสารอาหารที่จำเป็น
การให้อาหารโกลเดนจะต้องให้ตามเวลาที่กำหนดไว้ โกลเดนที่โตเต็มวัยสามารถให้เพียงมื้อเดียวได้แต่จะดีกว่าหากแบ่งปริมาณเป็น 2 มื้อต่อวัน ลูกโกลเดนตัวเล็กๆควรให้ปริมาณน้อยๆแต่ถี่ กรณีทีเพิ่งหย่านมอาจจำเป็นต้องให้ทุก 15 นาที อายุสามถึงสี่เดือนควรแบ่งเป็น 3-4 มื้อต่อวัน หลังจากนั้นเมื่อโตขึ้นก็ให้ 2 มื้อต่อวัน หรืออาจให้เพียงแค่ 1 มื้อต่อวันได้ ช่วงอายประมาณ 14 อาทิตย์นี้จะเริ่มผลัดฟันน้ำนมและคันฟัน ควรหาสิ่งที่ให้เคี้ยวให้แทะเล่น
ทั้งนี้แต่ละช่วงอายุต่างๆจะมีคำแนะนำดังนี้

อายุ
อาหารที่ให้
ตั้งแต่แรกเกิด ถึง สัปดาห์
ลูกสุนัขควรจะได้รับนมแม่หรือนมน้ำเหลืองเป็นหลัก โดยเฉพาะในช่วงสามวันแรกที่ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน แต่ถ้าแม่สุนัขไม่สามารถให้นมได้ คุณควรเลี้ยงลูกสุนัขด้วยนมสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ ในสัปดาห์ที่ 4 คุณสามารถเริ่มให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปทีละน้อยๆโดยผสมกับนมอุ่นๆ
6-8 สัปดาห์
ควรเริ่มฝึกให้ทานอาหารเม็ด โดยผสมน้ำอุ่นเพื่อให้มีความอ่อนตัวไม่แข็งจนเกินไป ควรให้ประมาณวันละ4 มื้อ เช้า กลางวัน เย็น และ ก่อนนอน )
9-11 สัปดาห์
ลดปริมาณน้ำอุ่นที่ผสมในอาหารลง เพราะสุนัขเริ่มทานอาหารแข็งได้แล้ว
3-5 เดือน
ลดปริมาณน้ำอุ่นที่ผสมในอาหารลงอีก และลดจำนวนมื้ออาหารเป็นวันละ 3 มื้อ (เช้า กลางวัน เย็น)
6 เดือนขึ้นไป
เริ่มให้เขาหัดกินอาหารเม็ด โดยไม่ต้องผสมน้ำอีกต่อไปและให้ลดเหลือเพียง 1-2 มื้อต่อวัน

ลูกโกลเดนอายุต่ำกว่าห้าเดือน
ต้องการอาหารทั้งปริมาณและสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโตอย่างมาก แบ่งเป็น 3-4 มื้อต่อวันโดยที่ต้องการปริมาณอาหารประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว การให้ปริมาณอาหารมากๆและมีจำนวนมื้อต่อวันน้อยครั้งเกินไปจะทำให้โครงสร้างเสียได้

เมื่ออายุได้ห้าถึงเจ็ดเดือน
ลดความถี่ในการให้อาหารลงเป็น 2 ครั้งต่อวัน แต่ค่อยๆเพิ่มปริมาณให้มากขึ้นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังเจริญเติบโต สังเกตว่าผอมหรืออ้วนไปหรือไม่แล้วลดหรือเพิ่มตามสัดส่วน

อายุตั้งแต่เจ็ดถึงสิบเดือน
ก็จะเป็นช่วงหนุ่มสาว จะกินอาหารน้อยลง แต่ยังคงให้อาหาร 2 มื้อต่อวัน ช่วงนี้โกลเดนจะเริ่มผลัดขน จะสังเกตุได้จากขนอ่อนที่หลุดร่วงและมีขนใหม่ที่ค่อนข้างแข็งกว่าและยาวกว่าขึ้นแทน

โกลเดนที่โตเต็มที่
อาจให้อาหารเพียง 1 มื้อต่อวันได้ แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับน้ำหนักและกิจกรรมประจำวัน หากออกกำลังกายมากเช่นออกเล่นกีฬาล่าสัตว์หรือแข่งขันวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางหรือว่ายน้ำ ก็จำเป็นที่จะต้องให้ปริมาณอาหารที่มากขึ้นโดยแบ่งเป็น 2 มื้อต่อวัน

สำหรับหมาโกลเดนแก่
จะให้อาหารคล้ายกับลูกโกลเดน ทั้งนี้พลังงานจากอาหารหากไม่ได้ถูกใช้จะถูกสะสมเป็นไขมันได้ง่าย จึงมีโอกาสเป็นโรคอ้วนได้ โปรตีนจะเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องได้รับอย่างเพียงพอ โดยต้องการไม่น้อยกว่า 15% แต่ต้องไม่มากเกินไปเพราะจะมีผลให้ไตทำงานหนักเกินไปหากได้รับโปรตีนเกินความจำเป็น
โกลเดนจะไม่เบื่ออาหารง่ายนักหากได้รับอาหารที่มีคุณค่าแบบเดิมๆตลอดชีวิต จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอาหารที่เคยกิน อาจใช้อาหารทีเตรียมเองนำมาผสมเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติได้ การเปลี่ยนอาหารทันทีอาจทำให้ท้องเสียได้ หากจำเป็นต้องเปลี่ยนจะต้องค่อยๆเปลี่ยนทีละน้อยค่อยๆเพิ่มขึ้น หากทำอย่างไรก็ไม่กินอาหารเป็นเวลา 2-3 วันจำเป็นต้องปรึกษาสัตวแพทย์โดยทันที



ข้อแนะนำสำหรับการให้อาหารสุนัข

  • อาหารสำเร็จรูปควรเลือกใช้ของบริษัทที่น่าเชื่อถือ
  • จัดน้ำสะอาดไว้ให้ตลอดเวลา 
  • อาหารที่ให้ควรมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้อง
  • อาหารที่มีน้ำเป็นส่วนผสมที่กินเหลือไม่ควรเก็บไว้ในมื้อต่อไป
  • อาหารแห้งควรทิ้งไว้วันต่อวัน
  • ไม่ควรปล่อยให้สุนัขอ้วนเกินไป
  • ห้ามให้กระดูกที่เปราะแก่สุนัข เช่นกระดูกไก่
  • สุนัขที่ไม่ยอมกินอาหารนานกว่า 24 ชั่วโมง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสุนัขเจ็บป่วย ควรปรีกษาสัตวแพทย์